ทำไมเราถึงควรออกไปโลกกว้างลงทุนไปต่างประเทศ​ไปฟังงานสัมมนาดีๆ 

-

สมัยเรียนปริญญาตรี อาจารย์ท่านนึงได้เคยพูดกับผมว่า “กว่าฝรั่งจะแต่งตำราเรียนใช้เวลาเป็น 10 ปี กว่าตำรานั้นจะมาอยู่ร้านหนังสือและได้รับการยอมรับก็เป็นเวลา 10 ปี กว่าจะมาถึงประเทศไทยแล้วเกิดการแปลก็ใช้เวลาเป็น 10 ปี ดังนั้น หากเราต้องรอภาษาไทยที่มีคนเอามาเล่า เราจะตามหลังกว่า 20-30 ปีเลยทีเดียว” คำพูดนี้เป็นคำพูดที่ทำให้ผมจำทุกวันนี้ว่า โลกมันกว้างมาก ถ้ารอความรู้หรือเรื่องราวที่เราสนใจ มาหาเราเอง เราก็จะเป็นคนที่ตามโลกไม่ทันแล้ว 

ในการทำงานนั้นยิ่งถ้าต้องเป็นคนที่ติดตามข่าวสาร ความเคลื่อนไหว และการที่ต้องเข้าใจว่าโลกกำลังหมุนไปทางไหน เดินทางไปทางไหน เพื่อเตรียมตัวสร้างกลยุทธ์และแผนการที่จะช่วงชิงความได้เปรียบทางธุรกิจ หรือเข้าใจว่าจะเจอสถานการณ์อย่างไร การบริโภคข้อมูลข่าวสาร รวมถึงการไปงานสัมมนาดี ๆ นั้นสามารถช่วยให้เกิดความรู้แจ้ง หรือทำความเข้าใจในสถานการณ์ได้ดีอย่างมาก แต่การอยู่แต่ในประเทศและรอสัมมนาหรือคนที่เชี่ยวชาญในประเทศมาบอกเล่านั้นอาจจะไม่เพียงพอ เพราะคนที่เชี่ยวชาญที่เอามาบอก อาจจะไม่ได้เชี่ยวชาญจริง อาจจะเกิดจากการไปเจอมาในเว็บต่าง ๆ แล้วสังเคราะห์เป็นเรื่องราวมาเล่าบอกต่อ ทำให้เรื่องราวนั้นอาจจะบอกไม่หมด หรือเลวร้าวกว่านั้นอาจจะเกิดจากการคิดไปเอง อคติของผู้เชี่ยวชาญที่เอาข้อมูลที่ตนเองชอบมาเล่าเท่านั้น ทำให้คนที่ไปฟังนั้นได้รับข้อมูลที่ไม่หมดในทันที 

ดังนั้นการที่อยากจะได้ข้อมูลหรือข่าวสารที่แท้จริง ได้รับความรู้และได้เข้าใจจริง ๆ ว่า โลกกำลังหมุนไปทางไหน เดินทางไปทางไหนการลงสนามเองก็เป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการเดินทางไปหาแหล่งต้นตอความรู้นั้น ๆ หรือไปถึงแหล่งที่รวบรวมความรู้นั้นไว้เข้าด้วยกัน เปรียบได้กับการทำ Research ของการทำธุรกิจและการตลาด ที่ต้องเข้าลงพื้นที่เอง เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่จริง ๆ เห็นกับตาจริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่นั่งบนหอคอยงาช้างและใช้การอ่านข้อมูลผ่านรายงานที่คนอื่นทำมา หรืออ่านผ่านเว็บ ซึ่งจะไม่ได้เห็นภาพจริง ๆ ขึ้นมา 

ซึ่งการเดินทางไปงานสัมมนาต่างประเทศ คือ การลงสนามที่ดีเพราะเราจะสามารถเจอตัวตนของ Source นั้น ๆ เข้ามาพูดคุยให้เราฟัง ยิ่งเป็นสัมมนาใหญ่ระดับโลก ที่มีผู้เล่นเป็น Global Player จะทำให้เราเห็นว่า โลกกำลังไปทางไหนได้ดี จากการฟังคนเก่ง ๆ ที่เป็นเจ้าของความรู้นั้น ๆ จากทั่วโลกมาพูดให้ฟัง เช่นในงาน SXSW ที่เคยไปนั้น เราจะได้ฟังคนที่ทำงาน หรือเป็นระดับ CEO ไม่ว่าจะ Elon Musk, Phil Knight CEO Nike หรือ ระดับบริหารองค์กร ไม่ว่าจะเป็นจาก IBM, Google, Microsoft, Salesforce, Netflix, Spotify และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่จะเอาความรู้และประสบการณ์ที่เคยทำงานต่าง ๆ หรือเรื่องราวที่ตัวเองกำลังทำงานอยู่มาให้ฟัง 

การไปฟังสัมมนาดี ๆ ทำให้เราได้เจอมุมมองต่าง ๆ ของบริษัทต่าง ๆ ที่มานำเสนอแนวคิด หรือข้อมูลต่าง ๆ ที่บริษัทกำลังมุ่งไป ด้วยการฟังที่ดี เราจะสามารถต่อยอดและมองเห็นได้เลยว่าโลกเรากำลังหมุนไปทางไหน และเราต้องเตรียมตัวอย่างไรกับโลกที่กำลังมาถึงนี้ได้ นอกจากนี้ยังทำให้เราสามารถย่นระยะเวลาในการที่จะได้รับความรู้ต่าง ๆ ได้ทันที แทนที่จะรอคนเอาความรู้นั้นมาให้ผ่านเว็บไซต์ต่าง ๆ หรือรอฟังผ่านคนมาเล่าอีกที แต่การที่บินมาเองทำให้เราได้รับประสบการณ์จริง ๆ จากเจ้าของความรู้นั้น ๆ ได้โดยตรงเอง นอกจากนี้ยังสามารถถามข้อสงสัย และยังสามารถสร้าง Connection ต่อจากการติดต่อเจ้าของความรู้นั้นอีกด้วย 

ด้วยการไปสัมมนาดี ๆ ในต่างประเทศนั้น โดยเฉพาะ Global Event สิ่งที่ได้กลับมานอกจากความรู้คือ การได้ไปเห็น Show case/Exbihition ที่อยู่ในงานนั้นมาด้วย เช่นใน SXSW จะมี Exbihition มากมายที่ให้เราได้ไปลองประสบการณ์และการได้เห็นว่า แบรนด์ หรือบริษัทต่าง ๆ กำลังสร้างสรรค์แนวความคิดต่าง ๆ อะไรมาให้ลองกัน ไม่มีถูกผิด มีแต่ความคิดสร้างสรรค์ ทำให้สามารถเปิดโลกทรรศน์ได้อย่างมากมายเลยทีดียว การไปฟังงานสัมมนานั้นทำให้เกิดการสัมผัสบรรยากาศแบบ First hand experience เลยทีเดียว 

แถมการเดินทางไปต่างประเทศนั้น ยังสามารถทำให้เห็นถึง Knowledge Literacy ของในประเทศที่กำลังไปอีกด้วย ว่าเค้ามีความซับซ้อนในด้านองค์ความรู้ที่เรากำลังทำงานอยู่มากแค่ไหน หรือมีการ Implement ความรู้ที่เราได้มาจากงานสัมมนานั้นมากน้อยแค่ไหนอีกด้วย เช่นตามร้านค้า รถไฟฟ้า และโฆษณา หรือเทคโนโลยีต่าง ๆ เป็นอย่างไร เชื่อมต่อกันอย่างไร ทำให้เราสามารถเข้าใจได้ทันทีว่า เทรนด์หรือโอกาสไหนที่กำลังจะมากันแน่ 

ใครที่อยากจะกลายเป็นผู้นำ ไม่ใช่ผู้ตาม การออกไปแสวงหาความรู้ และประสบการณ์ ไม่ใช่รอความรู้นั้นคือสิ่งที่จำเป็นอย่างมากในการทำงานในปัจจุบัน 

Share this article

Recent posts

Popular categories

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

Recent comments