ทำธุรกิจอย่าเชื่อที่ปรึกษาที่ไม่เคยผ่านการทำธุรกิจเองมาจนมากเกินไป

-

ในการทำธุรกิจหลาย ๆ ครั้งนั้น ยิ่งเฉพาะคนที่เริ่มต้นทำธุรกิจนั้นจะต้องเจอปัญหามากมายที่ต้องฝ่าฝัน เพื่อให้ธุรกิจนั้นอยู่ตัวให้ได้ หรือมั่นคงจนรายรับครอบคลุมรายจ่ายได้ และสุดท้ายจนมีกำไรขึ้นมา การวางแผนธุรกิจคนเดียวหรือคิดในการแก้ปัญหาคนเดียวนั้นเป็นเรื่องเหนื่อยอย่างมาก และทำให้บั่นทอนกำลังใจ จนอยากเลิกทำได้ การมีที่ปรึกษาดี ๆ ที่คอยมาช่วยแนะนำ วิธีแก้ไขหรือหาช่องทางและโอกาสใหม่ ๆ นั้นจึงจำเป็นอย่างมากสำหรับคนที่เริ่มทำธุรกิจ หรือกำลังจะขยายธุรกิจของตัวเองขึ้นมา 

ซึ่งการทำการมีที่ปรึกษานั้น มีข้อดีอย่างมาก  เพราะคุณจะไม่รู้สึกแก้ปัญหาต่าง ๆ เพียงลำพัง แต่จะเหมือนมีคนที่เคยมีประสบการณ์ หรือมองจากมุมภายนอกเข้ามาที่จะมองเห็นว่าคุณยังขาดอะไรอยู่ ทำให้คนทำธุรกิจนั้นมองเห็นโอกาสอื่น ๆ เพิ่มเติมมาได้ เพราะการที่ทำอะไรคนเดียวคุณจะจมอยู่กับความคิดเดิม ๆ หรือมุมมองที่คุณมีจนเกินไป จนทำให้มองไม่เห็นเรื่องราวและโอกาสในการแก้ปัญหาอื่น ๆ ขึ้นมา ซึ่งภาวะนี้เรียกว่า tunnel vision แต่การที่มีที่ปรึกษานั้น ไม่ใช่ว่าใครจะมาเป็นที่ปรึกษาได้ เพราะการที่จะเป็นที่ปรึกษาที่ดี ต้องเข้าใจว่า

  • 1.อุปสรรคของคุณคืออะไร ในการทำธุรกิจทุก ๆ ธุรกิจย่อมมีอุปสรรคของการทำธุรกิจอยู่แล้ว เช่น ปัญหาในเรื่องการเพิ่มกำลังคน ที่ยอดขายเหมือนน่าจะเพิ่มได้ แต่พอเพิ่มมายอดขายก็ไม่ cover ค่าแรงของพนักงานที่เพิ่มขึ้น แต่เป็นปัญหาของการทำงานขึ้นมาว่า ถ้าทำแบบนี้ต่อไปก็ช้าลง แต่เพิ่มคนก็ไม่ได้ นี้เป็นตัวอย่างอุปสรรคอย่างหนึ่งขึ้นมา หรืออีกหลาย ๆ คนที่เจออุปสรรคคือ ระบบกงสีของครอบครัว ที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แม้มอบให้ทายาทดูแลแล้ว ก็ยังล้วงลูกเข้ามา ทำให้ทายาทไม่สามารถพัฒนาต่อยอดอะไรได้เลย หลาย ๆ ครั้งจึงเห็นว่า ทายาทจึงออกมาปั้นแบรนด์เองแทน หรือแม้กระทั่งคนงานรุ่นพ่อแม่ ที่ไม่เชื่อฟัง แต่ก็ไล่ออกไม่ได้ เพราะองค์ความรู้ที่มี เหล่านี้คืออุปสรรคของการทำงานธุรกิจหมด 
  • 2. Painpoint คุณคืออะไร ในการทำธุรกิจ หลาย ๆ ครั้งในตัวของธุรกิจเองก็มี Painpoint ของตัวเอง เช่นกระบวนการผลิตที่ไม่สามารถใช้เครื่องจักรได้ หรือ กระบวนการผลิตบางขั้นตอนต้องฝากชีวิตไว้กับ Supplier ขึ้นมา ทำให้ไม่สามารถควบคุมต้นทุนต่าง ๆ เอาไว้ได้ ทั้งหมดนี้คือ Painpoint บางอย่างที่ธุรกิจมี และมีความยากในการแก้ไข เพราะเป็นเหมือนจุดอ่อนของการทำธุรกิจของตัวเองขึ้นมา 
  • 3. Limitation คุณคืออะไร ในการทำธุรกิจหลาย ๆ ครั้งเราอาจจะเจอ Limitation ของตัวเอง หรือของธุรกิจขึ้นมา เช่น ในกระบวนการผลิตไม่สามารถรับ Order ที่ผลิตจำนวนมาก ๆ ได้มากขึ้น ตัวอย่างโรงงานผลิตเสื้อ ที่มีอัตราผลิต 50 ตัวต่อคนต่อวัน ถ้ามี Order เข้ามาอยากได้ 500,000 ตัว ในระยะเวลา 1 เดือน แปลว่าต้องมีพนักงานที่พร้อมผลิตทันที 10,000 คนขึ้นมา แน่อนสำหรับโรงงานเล็ก ๆ นี้เป็นไปไม่ได้เลย และการมี Order ใหญ่ขนาดนี้ไม่ได้มีตลอด และไม่ได้มีทั้งปี ถ้าหมด Order นี้แล้ว เครื่องจักร และคน จะจัดการยังไงต่อ (โรงงานเสื้อยัง จ่ายงานให้คนอื่นได้ แต่บางโรงงานที่ Specialise ในงานตัวเอง แทบจ้างโรงงานอื่นทำต่อไม่ได้เลย) 

ดังนั้นการมี Mentor หรือที่ปรึกษาที่เข้าใจเรื่องราวทั้ง 3 ข้อ หรือในธุรกิจอื่น ๆ อาจจะมีมากกว่านี้ จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก เพราะจากประสบการณ์ที่เคยได้ทำธุรกิจมา จะเจอบริษัทพวก Agency/Consultant ที่ไม่ได้เข้าใจ Limitation หรืออุปสรรคของธุรกิจนั้นแล้วเข้ามาแนะนำว่าต้องทำอย่างไร ถึงจะดี ตัวอย่างที่เคยเจอมาเลย คือ การทำสินค้าเพื่อความยั่งยืน 

โดยที่ปรึกษาที่อยู่ในโครงการอบรม ได้แนะนำในการทำ ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน หรือการออกแบบ Packaging ที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนต่าง ๆ และได้ระบุว่า ผู้บริโภคกำลังสนใจเรื่องความยั่งยืน ซึ่งในความเป็นจริง ใช่ผู้บริโภคสนใจในความยั่งยืน แต่มีเงื่อนไขคือ ผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนนั้น ต้องไม่ราคาสูงกว่าปกติที่เคยจ่าย ดังนั้นการทำผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนจึงยากมากที่จะขายฐานลูกค้าเดิมได้ และต้องมีการลงทุนสูงมาก ตั้งแต่ กระบวนการเลือก Material เพื่อความยั่งยืน เช่นเลือกกระดาษกันกระแทก แทนโฟมกันกระแทก ซึ่งกระดาษแพงมากกว่าหลาย 10 เท่า หรือกระบวนการออกแบบดีไซน์ ที่มีต้นทุน กระบวนการผลิตกล่องที่มีต้นทุนสูงขึ้น ทั้งหมดนี้กระทบมายังต้นทุน ที่ต้องส่งผลไปยังราคาขายทันที 

หรืออีกตัวอย่างของที่ปรึกษาที่บอก ธุรกิจยุคใหม่ต้องใช้วิชาตัวเบา โดยไปจ้างคนอื่น ๆ ทำ แต่การควบคุมคุณภาพ ความลับสินค้า และกระบวนการส่งงานให้ทันเวลา และยิ่งไปกว่านั้นธุรกิจที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้วิชาตัวเบาได้ 

ดังนั้นการทำธุรกิจที่ดี การหา Mentor และที่ปรึกษาคนที่เคยผ่านธุรกิจจริง ๆ ทำธุรกิจจริง ๆ มือเปื้อนโคลนมาก่อน จึงสำคัญมากกว่าการฟังที่ปรึกษาที่ไม่เคยผ่านอะไรมาเลย ผ่านแต่ตำรามาอย่างเดียว เพราะคนแบบหลังไม่เคยมีประสบการณ์ในสงครามจริง ๆ ว่าเป็นอย่างไร แต่ได้แต่เล่าว่าต้องทำสงครามอย่างไร 

Share this article

Recent posts

Popular categories

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

Recent comments