ในตลาดที่ทุก ๆ คนนนั้นเข้ามาลงตลาดแข่งขันในทุก ๆ สมรภูมิเดียวกัน แม้ว่าคุณนั้นจะมีจุดที่ไม่เหมือนใคร แต่คุณยังก็ต้องแข่งขันในธุรกิจที่ผู้บริโภคเป็นผู้เลือกอยู่ดี หากยังมองไม่เห็นภาพลองนึกถึงธุรกิจอาหาร ที่มีการแข่งขันสูง และคุณเป็นผู้บริโภค คุณอาจจะอยากกินเบอร์เกอร์จาก Burger King หรือกินไก่ทอด KFC ไม่ก็เห็นโฆษณา McDonald แล้วอยากอุดหนุน สุดท้่ายแล้วไม่ว่าอาหารจะดีแค่ไหน แต่คุณจะเลือกสิ่งที่เป็น อาหารอร่อย ราคาไม่แพง และให้ประสบการณ์ที่ดีแก่ตัวเอง
เพื่อที่จะชนะในตลาดนี้ คุณไม่จำเป็นต้องเป็นที่ 1 หรือมาเป็นที่ 1 เพียงแค่สร้างผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค และนี้คือวิธีการ 7 ข้อที่จะทำให้คุณนั้นสร้างความแตกต่างของคุณเองออกจากตลาดได้ ไม่ว่าคุณกำลังจะออกผลิตภัณฑ์ หรือระดมหาทุนในชุดแรกเพื่อธุรกิจคุณ
- Design : หาหนทางที่ธุรกิจคุณจะสร้างความแตกต่างผ่านสีโลโก้ ดีไซน์ และ Branding ถ้าผลิตภัณฑ์คุณคือมือถือ ลองดูไอคอนของ App ทั้งหมดในมือถือ แล้วดูว่าเค้าใช้สีอะไร ถ้าไอคอนทั้งหมดสีส้มและแดง ตัดสินใจไปเลยว่าโลโก้คุณนั้นควรจะใช้สีที่แตกต่างออกไปจากสิ่งที่คุณเห็นบ่อย ๆ
- Pricing Strategy : เพื่อจะแตกต่างจากการคู่แข่ง และสร้างความแตกต่างในด้านการแข่งขันนั้นคือการสร้างความรู้สึกให้ผู้บริโภครู้สึกว่าสินค้าของคุณนั้นดีหรือดีกว่าสินค้าเจ้าอื่นในตลาด คุณจำเป็นต้องทำตลาดให้ถูกที่ ทำราคาให้เหมาะสมกับสินค้าที่คุณนำเสนอ ดังที่ Tomasz Tunguz จาก Redpoint Ventures เขียนไว้มุมมองทั่วไปในโมเดลการตั้งราคาในบริษัท Startups ทั้งหลายที่จะมีแบบ freemium, limited free trial, จ่ายหน้าโต๊ะ หรือการันตีผลคืนเงินให้
- Domain Expertise : อะไรคือเรื่องราวของคุณ ทำไมคุณถึงเริ่มธุรกิจตัวเอง ทำไมคุณถึงเหมาะสมที่จะทำธุรกิจนี้ ทำไมปัญหาที่คุณแก้นั้นทำให้คุณต้องทำงานดึกขึ้น ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง มี CEO จำนวนไม่มากที่ตั้งบริษัทจากการที่มีความเชี่ยวชาญในสิ่งที่สนใจ มากกว่าผู้แสวงหาโอกาสที่ตั้งบริษัทจากเหตุผลที่ผิด ๆ คุณสามารถแตกต่างจากคนอื่นได้ด้วยการเล่าประวัติความเป็นมาของบริษัทคุณผ่านเว็บไซต์ และนำเสนอความเชี่ยวชาญของทีมคุณในตลาดผ่านการพูดในที่สาธารณะ การคอมเมนท์ และการบล็อกประสบการณ์ของคุณออกมา
- Business Development : ตามหาบริษัทขนาดใหญ่หรือบริษัท Startups อื่นที่มีกลุ่มผู้สนใจคล้าย ๆ กัน แต่ไม่ใช่คู่แข่งในสินค้าเดียวกัน เพื่อทำการตลาดคู่กันผ่าน cross-promotion หรือแลกเปลี่ยนข้อมูล ทำโปรเจคพิเศษหรืออีเว้นท์ (ตัวอย่างนี้เห็นได้ในญี่ปุ่น ที่ฟาร์มที่เป็นสุดยอดทางการขายนม จะแสวงหา partner ที่เป็นฟาร์มสุดยอดผลไม้ จนมาทำผลิตภัณฑ์ร่วมกันเป็นสุดยอดผลิตภัณฑ์ หรือ หูฟัง Beat by Dre ก็เป็นตัวอย่างหนึ่ง) ใช้เทคโนโลยีอย่าง LinkedIn, CrunchBase และ Xmarks เพื่อตามหาธุรกิจที่มีศักยภาพที่จะพัฒนาเป็น partner ถ้าอยากรู้เพิ่มเติมลองอ่านที่ Alex Taub ซึ่งเป็น biz dev builder ที่ Dwolla ซึ่งจะชอบเขียนเกี่ยวกับกลยุทธ์ partnership สำหรับ startups
- Customer Service : ประสบการณ์ที่สุดยอดของผู้บริโภคจะสร้างลูกค้าตลอดชีวิต การสร้างประสบการณ์ที่มีค่าเพื่อนำไปบอกต่อแล้วลูกค้าคุณจะไปแชร์เรื่องราวของสินค้าคุณกับเพื่อนเค้า ให้คอยติดตามการพูดถึงบริษัทคุณผ่าน Twitter และ Facebook เพื่อตอบสนองลูกค้าให้ได้ตามที่ลูกค้าต้องการ ตัวอย่างบริษัทที่มีบริการลูกค้าที่ดีลองดูใน STELLA Service แล้วดูที่ Footer เว็บนี้ว่ามีบริษัทใดบ้างที่มีบริการลูกค้าที่ดี
- Guerrilla Marketing : ถ้าคุณไม่รอจนถึงเดือนมีนาคมที่จะมีเทศกาล SXSW ซึ่งเป็นเทศกาลเปิดตัว Startups ไปแล้ว เพื่อที่จะเปิดตัวสินค้าคุณให้ยิ่งใหญ่ ก็ให้ทำสิ่งบ้า ๆ ไปเลยในเดือนที่คุณจะปล่อยผลิตภัณฑ์ออกมา เพื่อให้สินค้าคุณนั้นมาอยู่ตรงหน้าผู้บริโภคและต้องสร้างกระแสสื่อได้ต่ออีกด้วย คุณต้องแน่ใจว่าคุณได้รับอนุญาติที่จะทำเคมเปญในสถานที่นั้น ๆ แล้ว ถ้าสินค้าคุณเป็นสินค้าท้องถิ่น ให้ลองคิดตัดสินใจการทำกิจกรรมในร้านอาหาร ร้านกาแฟด้วยการสร้างป้ายสัญลักษณ์ให้สนใจ หรือในถนนที่คุณสามารถคุยกับคนที่สนใจได้โดยตรง ถ้าคุณมีงบการตลาด ลองซื้อป้าย Billboard เพื่อเข้าถึงกลุ่มคนที่มีศักยภาพที่จะมาเป็นลูกค้าคุณ ตัวอย่างที่ดีคือLivingSocial,Groupon, Box.net, DuckDuckGo, และ Hipmunk ที่ต่างก็ซื้อป้ายโฆษณามาในอดีต สำหรับแรงบันดาลใจเพิ่มเติมลองดูที่ ตัวอย่าง นี้ซึ่งเป็น guerrilla marketing โดยแบรนด์ทั่วโลก
- Product Offering : จากที่เขียนมาทั้งหมด เป็นเรื่องของผลิตภัณฑ์ คุณไม่สามารถทำสิ่งต่าง ๆ ด้านบนได้ดีประสิทธิภาพ ถ้าปราศจากผลิตภัณฑ์ที่คนต้องการที่จะเข้ามามีส่วนร่วมด้วย ซื้อ หรือเอาไปแชร์บอกต่อเพื่อน การสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีไซน์มาดี มีความสนุกที่จะใช้มัน และแก้ไขปัญหาที่แท้จริง ทั้งหมดนี้คุณจะอยู่นำหน้าในทางที่คุณเดินตลอดเวลาในตลาดที่แข่งขันกันสูง